มอเตอร์โชว์: มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ เจนฯ 5 พลังไฟฟ้าเต็มร้อยมินิ กลับมาปฏิวัติวงการยานยนต์ไฟฟ้าของไทยอีกครั้ง ด้วย มินิ คูเปอร์ เจเนอเรชันที่ 5 รุ่น SE ใหม่ ที่คงการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ แตกต่างต่กเดิมชัดเจนด้วยดีไซน์มินิมอลโดนใจคนยุคใหม่ พร้อมตอบสนองฟิวลิ่งการขับแบบ Electrified Go-Kart ที่ให้ความสนุกและควบคุมได้ดั่งใจ ทำให้ มินิ คูเปอร์ SE ใหม่ เป็นยานยนต์ไฟฟ้าขนาดคอมแพคที่ให้ทั้งพรีเมียมและความทันสมัยไปพร้อมๆ กัน และนี่คือ คลิปไฮไลท์ทั้งหมดของรถรุ่นนี้
ดีไซน์กับแนวคิด “ความเรียบง่ายอันทรงเสน่ห์”
ดีไซน์ภายนอก รูปทรงกะทัดรัด ช่วงหน้ารถที่สั้นและคล่องตัว ดีไซน์เรียบง่าย พื้นผิวตัวถังราบเรียบผสานกับความล้ำสมัยในสไตล์เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
มือจับประตูดีไซน์ใหม่เรียบไปกับตัวรถ ลบซุ้มล้อและไฟเลี้ยวด้านข้างตัวรถ
กระจังหน้าดีไซน์ใหม่มาในรูปทรงแปดเหลี่ยมในสีใหม่ Vibrant Silver
ไฟหน้าทรงกลมและไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ พร้อมลูกเล่นปรับรูปแบบได้ถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมด Classic โหมด Favoured และโหมด JCW รวมถึงการเพิ่มลูกเล่นอนิเมชันตอนปลดล็อคและล็อครถ
ดีไซน์ภายในห้องโดยสารสไตล์มินิมัล ที่ถูกออกแบบเพื่อสร้างประสบการณ์เฉพาะตัวแก่ผู้ขับขี่ พร้อมฟีเจอร์ตอบรับยุคดิจิทัล
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบสไตล์มินิมัล ที่ยังคงความคลาสสิกและเรียบง่ายของมินิ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากมินิรุ่นคลาสสิกจากปี 1959 โดยเน้นเพียงองค์ประกอบที่สำคัญ แต่ยังคงสามารถมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ได้อย่างครบครัน
จอกลางแบบใหม่ โดยเป็นหน้าจอ OLED ความละเอียดสูงทรงกลมเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกของตลาดรถยนต์ไทย บริเวณกึ่งกลางคอนโซล ทำหน้าที่เป็นทั้งแผงหน้าปัดและศูนย์กลางระบบอินโฟเทนเมนต์และระบบช่วยเหลือผู้ขับ
การเข้าถึงข้อมูลสำคัญในการขับจากหน้าจอแสดงผล Head-up Display ด้านหลังพวงมาลัย ช่วยลดขนาดหน้าจอแดชบอร์ด OLED จอหลัก และช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจนและครอบคลุม
แผงควบคุมดีไซน์ใหม่ Toggle Bar ที่รวบรวมทุกฟังก์ชันสำคัญสำหรับการขับไว้ในจุดเดียว ผู้ขับสามารถเข้าถึงเบรกมือ เกียร์รถ สวิตซ์สตาร์ทหรือดับครื่องยนต์ สวิตซ์เลือกรูปแบบ Experience Mode รวมถึงตัวปรับความดังของเสียงลำโพงได้จากปลายนิ้ว ผสมผสานงานดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เข้ากับฟังก์ชันด้านการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้สอยบริเวณระหว่างที่นั่งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าให้มีช่องวางแก้วและช่องเก็บของที่ใหญ่ขึ้น
พวงมาลัยแบบสามก้าน โดยก้านที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาเป็นสายผ้าถักสไตล์ใหม่
หน้าปัดคอนโซลทรงโค้ง หุ้มด้วยผ้าสองสีที่ได้รับการถักทอจากโพลีเอสเตอร์ที่มาจากวัสดุรีไซเคิล ผ่านกระบวนการถักทอที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ ดูแลรักษาง่าย
ชุดแต่ง Favoured Trim เสริมเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
ล้อ 18 นิ้ว ลาย Slide spoke สี 2-tone และกระจังหน้ารูปทรงแปดเหลี่ยม ตกแต่งด้วยสี Vibrant Silver
แผงคอนโซลรถหุ้มด้วยผ้าถักลวดลาย Houndstooth สองสี นอกจากนี้ ช่องเก็บของบริเวณคอนโซลยังได้รับการห่อหุ้มด้วยพื้นผิวผ้าทอและลวดลายสายคาด
ชุดแต่ง Favoured Trim นี้มาพร้อมเบาะนั่งแบบสปอร์ต Vescin สี Nightshade Blue
งานออกแบบที่ตอบรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกองค์ประกอบ
การผสานความสมดุลระหว่างสมรรถนะรถ การออกแบบอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปราศจากการใช้หนังสัตว์ภายในห้องโดยสาร การใช้วัตถุดิบจากวัสดุรีไซเคิล โดยเบาะหนังแบบ Vescin
วัสดุที่ใช้ถักทอผ้าแบบเรียบสองมิติ ซึ่งใช้ในแดชบอร์ด คอนโซล แผงด้านในประตูรถ และฝาช่องเก็บของ ผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ซึ่งรีไซเคิลกว่า 90%
ล้ออลูมิเนียม เจเนอเรชันใหม่ ผลิตจากอลูมิเนียมรีไซเคิลสูงสุดถึง 70%
หน้าจอแสดงผล MINI Interaction Unit ผ่านจอ OLED ความละเอียดสูงที่จะมาปฏิวัติประสบการณ์การใช้งานของผู้ขับ
มินิ ใหม่ กับหน้าจอแสดงผล OLED ทรงกลม ภาพความละเอียดสูง คมชัด และมีฟังก์ชันการทำงานที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน โดยหน้าจอแสดงผล MINI Interaction unit จะอยู่ที่บริเวณกึ่งกลางคอนโซลด้านหน้ารถ ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้อยู่ใกล้กับตำแหน่งที่นั่งของคนขับมากขึ้น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 240 มม. เพื่อให้สามารถใช้งานหน้าจอได้สะดวก นอกจากนี้ MINI Interaction Unit ยังทำงานบนระบบปฏิบัติการ MINI Operation System 9 ที่ตอบสนองการสั่งงานผ่านหน้าจอสัมผัสและการสั่งงานด้วยเสียงได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ หน้าจอจะแสดงผลข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการขับอย่างครบครัน เช่น ความเร็ว ระดับพลังงานแบตเตอรี่ ฯลฯ สามารถเข้าถึงฟังก์ชันด้านการนำทาง มีเดีย โทรศัพท์ และการดูข้อมูลสภาพอากาศได้อย่างง่ายดายไม่ต่างกับการใช้งานสมาร์ทโฟน
มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ กับโหมดการใช้งาน MINI Experience 7 รูปแบบ
โหมดดีไซน์แสงสีเสียง Jingle เสียงสร้างบรรยากาศขณะขับ และแสงสีสร้างบรรยากาศภายในรถต่างๆ ได้แก่
Core Mode: โหมดหลักซึ่งเน้นการแสดงผลหน้าจอเมนูหลัก มาพร้อมกับไอคอนวิดเจ็ตที่ดูโดดเด่นตามสไตล์มินิ ในเฉดสี Laguna โดดเด่นแต่ไม่ฉูดฉาด ให้ความรู้สึกที่ล้ำสมัย เรียบหรู โดยแสงไฟภายในห้องโดยสารและการแสดงภาพจะปรับเปลี่ยนสีสันให้เข้ากับโทนสีนี้โดยอัตโนมัติ
Go-Kart Mode: โหมดที่ปลุกจิตวิญญาณแห่งความเป็นมอเตอร์สปอร์ต เน้นความเร้าใจด้วยสมรรถนะขั้นสุด หน้าจอ MINI Interaction Unit แสดงผลมาตรวัดความเร็วในสไตล์สปอร์ตเต็มรูปแบบ พร้อมข้อมูลเฉพาะสำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ต การตอบสนองของคันเร่งได้รับการออกแบบให้เหมาะกับอารมณ์การขับขี่ของสายสปอร์ต โดยมาพร้อมกับเสียงเอฟเฟกต์การขับรถในแบบ ‘Go Kart’ ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ ด้วยระดับเสียงและโทนเสียงที่ปรับเปลี่ยนตามรอบเครื่องยนต์ ให้ความรู้สึกราวกับกำลังบังคับรถโกคาร์ท พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างทรงพลัง
Green Mode: โหมดที่ได้รับการปรับแต่งมาเพื่อการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะเน้นเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ให้ความสำคัญกับการมอบระยะทางการขับรถที่สูงที่สุด จากระบบการจัดการพลังงานส่วนเกินกลับไปที่แบตเตอรี่เมื่อผู้ขับขี่ทำการเบรคหรือชะลอความเร็ว นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอเทคนิคการขับอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงแสดงผลมาตรวัดพลังงานที่เข้าใจได้ง่ายบนหน้าจอ
Balance Mode: โหมดที่มีความพิถีพิถันที่สุด ทั้งในแง่ของแสงสี อนิเมชัน และรูปแบบการแสดงผลที่สื่อถึงความสงบ โดยเสียงของรถในโหมด Balance ได้รับการออกแบบโดยอิงจากเสียงธรรมชาติต่าง ๆ ของป่าในเวลากลางวันและกลางคืน
Timeless Mode: สัมผัสกลิ่นอายแห่งตำนานมินิ สู่ยุคดิจิทัล ด้วยฟ้อนท์แบบ Serif และมาตรวัดความเร็วขนาดใหญ่ เสียงการขับขี่ในโหมดนี้บันทึกไล่เรียงจากมินิ คลาสสิกไปจนถึงมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ผสมผสานกับเสียงของ มินิ ‘Core’ สร้างสุนทรียภาพด้านเสียงที่เดินทางผ่านกาลเวลา
Vivid Mode: โหมดที่เน้นเรื่องการนำเสนอคอนเทนท์เป็นหลัก ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ “Color Grabber” ที่ดึงสีสันจากหน้าปกอัลบั้มของเพลงที่กำลังเล่นอยู่ มาปรับใช้ในการแสดงผลแสงสีผ่านดีไซน์ของหน้าจอ พร้อมการฉายภาพและไฟบรรยากาศในห้องโดยสารให้รับกับสีสันบนหน้าจอ
Personal Mode: โหมดที่เปิดให้เจ้าของรถสามารถปรับแต่งภาพพื้นหลังบนหน้าจอแสดงผลของ MINI Interaction Unit ของตัวเองได้ ผ่านการใช้งานแอปพลิเคชัน MINI App โดยโหมดนี้ยังใช้งานเทคโนโลยี Color Grabber เพื่อวิเคราะห์ภาพที่ผู้ขับขี่เลือกใช้ เพื่อปรับแต่งไฟภายในห้องโดยสาร และการแสดงผลบนหน้าจอแดชบอร์ดให้เข้ากัน
บริการด้านดิจิทัล และแพ็คเกจ MINI Connected
มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ กับผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ ที่รองรับการสั่งการด้วยเสียงอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกของมินิ โดยสามารถเปิดใช้งานได้ด้วยการพูดว่า “Hey MINI” หรือการกดปุ่ม push-to-talk ที่พวงมาลัย ซึ่งหน้าจอแสดงผล OLED ทรงกลมจะแสดงผลโต้ตอบผ่านอนิเมชันกราฟิก ตัวอักษร และอวาตาร์ โดยผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ตัวเลือกในแบบ “MINI” หรือทำการอัปเกรดแพ็คเกจ MINI Connected เพื่อปลดล็อคน้องหมา “Spike” สุดน่ารักมาเป็นตัวแทนของ MINI Intelligent Personal Assistant
ระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 ซึ่งได้รับการออกแบบให้ดูเรียบง่ายแต่มีความน่าตื่นเต้นตามสไตล์มินิ ทั้งยังใช้งานได้อย่างง่ายดาย โดยมีพื้นฐานมาจากระบบปฏิบัติการ Android Open Source Project (AOSP) ทั้งนี้ ระบบปฏิบัติการดังกล่าวยังทำงานร่วมกับระบบนำทาง MINI Navigation ที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพื่อคำนวนข้อมูลเส้นทางได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วที่สุด รวมทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยี 5G อีกด้วย นอกจากนี้ ระบบนำทาง MINI Navigation ยังมาพร้อมแพ็คเกจเสริมที่รองรับการแสดงผลภาพแผนที่ในรูปแบบภาพ 3 มิติที่สมจริง สำหรับสถานการณ์การเข้าโค้งที่มีความซับซ้อน
MINI Connected Store ที่ช่วยให้เจ้าของรถสามารถเข้าถึงและดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้อย่างหลากหลายจากผู้ให้บริการจากภายนอกรายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ด้านความบันเทิงหรือการใช้งานต่าง ๆ ทั้งแอปพลิเคชันเพลง วิดีโอสตรีมมิ่ง หรือเกม นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน AirConsole ยังจะทำให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกมผ่านหน้าจอ OLED โดยใช้สมาร์ทโฟนของตัวเองเป็นจอยเกมได้อีกด้วย
ระบบช่วยเหลือการขับใหม่ล่าสุดที่จะทำให้ชีวิตประจำวันของคุณสะดวกง่ายดาย
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistant) ฟังก์ชันด้านการช่วยเหลือการจอดรถอัตโนมัติ Parking Assistant และกล้องแสดงภาพด้านท้ายรถ ทั้งยังมีออปชันเสริม Driving Assistant Plus ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายและปลอดภัยกว่าที่เคยด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ล้ำสมัยต่าง ๆ เช่น Adaptive Cruise Control
MINI Digital Key Plus เปลี่ยนสมาร์ทโฟนของตัวเองให้เป็นกุญแจรถ ปลดล็อค/ล็อครถได้โดยไม่ต้องพกกุญแจและไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ออกมา โดยแสงไฟต้อนรับด้านหน้าและด้านหลังรถมินิจะเปิดทำงานทันทีเมื่อเจ้าของรถเข้ามาใกล้ในระยะ 3 เมตร และประตูจะปลดล็อคให้ในระยะ 1.5 เมตร ยกระดับอารมณ์การขับขี่แบบ Go-Kart ด้วยเทคโนโลยีระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ได้รับการพัฒนาให้ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
พลังขับเคลื่อนของ มินิ คูเปอร์ SE ใหม่ ไม่สร้างมลพิษพร้อมคงความสนุกจากการขับ
ระบบขับเคลื่อนแบบใหม่หมด มอเตอร์พลังงานไฟฟ้าพละกำลังรวมสูงสุด 160 กิโลวัตต์ / 218 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 330 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.7 วินาที จากแบตเตอรี่ที่มีความจุพลังงานสุทธิ 54.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง รองรับการชาร์จแบบไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุดที่ 95 กิโลวัตต์ โดยสามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที และมีระยะการขับขี่สูงสุดถึง 402 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP
มินิ คูเปอร์ SE ใหม่ ราคา 1,699,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา MSI Standard 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง) เข้าถึงได้ง่ายขึ้นกับสเปคที่ดีกว่าเดิม